PEARL

มุกเป็นเครื่องประดับที่สง่างามและคลาสสิคตลอดกาล เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมั่งมี และความมีระดับของบุคคล ในราชวงศ์ต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงในปัจจุบัน มุกก็ยังได้รับความนิยมในกลุ่มดาราและคนดังจำนวนมาก มุกเป็นอัญมณีที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิต และถือได้ว่าเป็นราชินีแห่งอัญมณีโดยไม่สามารถหาอัญมณีอื่นใดมา ทดแทนได้ ดังนั้นการมอบมุกแด่คนที่คุณรักจึงถือเป็นการให้ของขวัญจากธรรมชาติที่ล้ำค่ามากที่สุด

มุกเกิดจากตัวหอยมุกซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือมุกธรรมชาติและมุกเลี้ยง มุกธรรมชาติเป็นมุกที่เกิดขึ้นเองในหอยมุกที่พบในธรรมชาติ แต่จากมลพิษต่างๆ ในปัจจุบันทำให้แหล่งหอยมุกตามธรรมชาติ ลดน้อยลงมากจนแทบไม่มีเหลืออยู่เลย มุกธรรมชาติจึงมีราคาที่สูงมาก มักซื้อขายในการสะสมมากกว่าการพาณิชย์ ส่วนมุกเลี้ยงถือเป็นร้อยละ 95 ของมุกที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดขณะนี้รวมถึงในร้านของเราด้วย มุกเลี้ยงเป็นมุกที่เกิดในตัวหอยมุก ที่ถูกเลี้ยงให้โตขึ้นในสภาพแวดล้อมเสมือนธรรมชาติโดยฝีมือมนุษย์


มุกธรรมชาติและมุกเลี้ยง (NATURAL PEARLS AND CULTURED PEARLS)



โดยสามารถแบ่งออกไปได้อีกตามแหล่งที่เลี้ยงหอยมุกคือมุกน้ำเค็มและมุกน้ำจืดซึ่งมุกทั้งสองชนิดต่างก็ได้รับความนิยมมาก พอๆ กัน ส่วนใหญ่แล้วมุกน้ำเค็มนั้นจะกลมมนมีความเงางาม และมีความหนาของชั้นมุกที่มากกว่ามุกน้ำจืดและราคาแพงกว่า แต่มุกน้ำจืดนั้นมีหลายรูปทรงและมีสีสันมากกว่าจึงทำให้มุกน้ำจืดเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน


มุกทะเลใต้ (SOUTH SEA PEARLS)



มุกทะเลใต้เป็นมุกเลี้ยงน้ำเค็มที่เกิดจากหอยพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าหอยพันธุ์อะโกยาและมุกน้ำจืดมุกที่ได้จึงมีขนาดใหญ่กว่ามุก ชนิดอื่นและมีราคาสูงที่สุดโดยเฉพาะมุกจากน้ำทะเลแถบประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นมุกที่มีสีขาวและมุกสีเงินซึ่งมีผิวเรียบกว่าและ กลมมนมากกว่า ส่วนมุกที่มีสีทองและเหลืองอ่อนมักเป็นมุกที่มาจากประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์


มุกตาฮิติ (BLACK PEARLS)



มุกตาฮิติหรือมุกดำคือมุกที่เกิดมาจากหอยนางรมพันธุ์ที่มีสีดำ ซึ่งมีการค้นพบและถูกเลี้ยงมากในแถบเกาะตาฮิติ ซึ่งเป็นเกาะ ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ French Polynesia เนื่องจากเกิดจากเปลือกหอยสีดำ มุกชนิดนี้จึงมีสีดำตามธรรมชาติซึ่งอาจจะมีสีตั้งแต่สีดำสนิท ดำอ่อน เงินอ่อน เทาเข้ม หรือเทาอ่อน ซึ่งสีที่หายากที่สุดและมีมูลค่าสูงสุดคือสีเขียวนกยูง โดยมีขนาดตั้งแต่ 8 มิลลิเมตรจนถึง 18 มิลลิเมตร โดยแต่เดิมมุกชนิดนี้มีราคาที่สูงมาก แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากจึงทำให้ราคานั้นย่อมเยาว์ขึ้น


มุกอะโกยา หรือ มุกญี่ปุ่น (AKOYA PEARLS)



มุกอะโกยาเป็นมุกที่มาจากฟาร์มมุกที่ญี่ปุ่น ชื่อที่รู้จักกันดีในตลาดคือมุกมิกิโมโต เป็นมุกชนิดแรกที่ถูกเลี้ยง ตั้งแต่ปี ค.ส.1920 มุกอะโกยานั้นมีสองเฉดสี โดยสีเด่นเป็นสีขาวและครีม ส่วนสีรองเป็นสีชมพูและสีเงิน มีความวาวที่สวยงามและแทบไม่มีรอยตำหนิเลย ดูเผินๆ มุกอะโกยาจะคล้ายมุกน้ำจืด แต่หากเมื่อนำมาเทียบกันดีๆ จะเห็นว่าแตกต่างกันมาก โดยมุกอะโกยา จะมีความกลมมนกว่า ผิวเรียบกว่า และเงาวาวกว่ามุกน้ำจืด หากคุณกำลังมองหาเครื่องประดับมุกที่ล้ำค่า มุกอะโกยานั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว


มุกน้ำจืด (FRESHWATER PEARL)



มุกน้ำจืดส่วนใหญ่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นในประเทศจีนโดยได้รับเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงมาจากญี่ปุ่น จีนเป็นประเทศที่ผลิตไข่มุก คุณภาพสูงและเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีราคาไม่สูงนัก และมองดูคล้ายคลึงกับมุกอะโกยาและมุกทะเลใต้ขนาดเล็ก มุกน้ำจืดนั้นสามารถนำไปทำให้เกิดสีได้หลายเฉดสีซึ่งที่ได้รับความนิยมคือสีขาว ชมพู ส้มและพาสเทล หากคุณกำลังมองหา มุกที่มีคุณค่าในราคาพอเหมาะ มุกน้ำจืดก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางนึง


การประเมินคุณภาพ

หลักในการประเมินคุณภาพมุกนั้นประกอบไปด้วยลักษณะสำคัญหลายประการ คือรูปทรง ขนาด ความวาว สี ความสมบูร์ของผิว


1. รูปทรง

มุกสามารถมีรูปทรงได้หลายแบบ โดยสามารถจัดได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆคือ กลม (Round) กึ่งกลม (Off Round) คล้ายหยดน้ำ (drop) ไข่ (oval) หรือกระดุม (Semi Barouqe) และบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน (Baroque) รูปทรงมุกที่ดีหายากมากที่สุดและมีมูลค่ามากที่สุดคือทรงกลม


2. ความวาว

ความวาวคือความเงาที่เกิดจากแสงสะท้อนบนผิวของมุกที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า มุกที่มีความวาวมากก็จะมีความสวยงามและมูลค่ามากขึ้นด้วย


3. ขนาด

ขนาดของมุกจะขึ้นอยู่กับชนิดของมุก มุกน้ำจืดจะมีขนาดตั้งแต่ 3 - 10 มิลลิเมตร มุกอะโกยาหรือมุกญี่ปุ่นจะมีขนาดตั้งแต่ 6 - 9 มิลลิเมตร มุกจากทะเลใต้และมุกดำจะมีขนาดใหญ่ที่สุดคือตั้งแต่ 9 - 13 มิลลิเมตร


4. สี

สีมุกจะประกอบไปด้วยสีพื้นของมุกและสีรองของมุก(Overtone) หรือสีที่มองเห็นเวลามุกสะท้อนกับแสงเช่นเมื่อมองด้วยตาเปล่า จะเห็นมุกเป็นสีขาว แต่เมื่อนำมาดูด้วยแสงมุกอาจจะมีสีชมพูส่วนใหญ่มุกจะมีสีขาว ครีม เหลือง ชมพู เงินและดำ

สีมุกใดจะเป็นที่นิยมนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของมุกด้วยเช่นมุกญี่ปุ่น จะนิยมมุกสีขาวอมชมพูอ่อน รองลงมาคือสีขาวและครีม, มุกทะเลใต้ จะนิยมสีขาวหรือทอง และมุกตาฮิติหรือมุกดำ จะนิยมสีเทาดำถึงดำ และมีovertone เป็นสีเขียวที่รู้จักกันดีในนามสี Peacock


5. ความสมบูรณ์ของผิวมุก

ในการเลี้ยงหอยมุกบางครั้งอาจจะมีตำหนิได้ มุกที่ดีที่สุดต้องมีผิวเรียบสนิทสม่ำเสมอ ซึ่งราคาของมุกจะแปรเปลี่ยนตามความสมบูรณ์ของผิว